แน่นอนว่าการเริ่มต้นเก็บเงินตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นเรื่องที่ดี แต่ความจริงแล้วไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การเริ่มต้นวางแผนการเงินก็ไม่ใช่เรื่องสายเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเข้าสู่วัย 30 ปี ที่มีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น มีหน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้น การวางแผนการเงินที่ชัดเจนและการสร้างนิสัยที่ดีในการเก็บออม จะเป็นรากฐานสำคัญสู่ความมั่นคงในอนาคตดังนั้นหากคุณอยู่ในช่วงวัย 30 ปี แล้วกำลังศึกษาวิธีเก็บเงินอยู่ล่ะก็ มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นเก็บเงินได้สำเร็จ
1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน
การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งแรกที่คุณควรทำ เพื่อให้การเก็บเงินมีทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้นลองประยุกต์ใช้เทคนิคดังนี้ดู
- SMART Goals : เป้าหมายที่ดีควรเป็นเป้าหมายที่ Specific (ชัดเจน), Measurable (วัดผลได้), Achievable (ทำได้), Relevant (เกี่ยวข้อง) และ Time-bound (มีกำหนดเวลา) เช่น ภายใน 5 ปี ฉันต้องการมีเงินเก็บ 1 ล้านบาท เพื่อซื้อบ้าน
- แบ่งเป้าหมาย : แบ่งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริงในระยะสั้นและระยะยาว เช่น เป้าหมายระยะสั้น คือ เก็บเงินเพื่อซื้อรถ เป้าหมายระยะยาว เช่น เก็บเงินเพื่อเกษียณ เพื่อให้คุณเห็นความคืบหน้าและมีกำลังใจในการเก็บเงินต่อไป
- สร้างแรงบันดาลใจ : นึกถึงสิ่งที่คุณอยากได้ อยากทำ หรือความฝันที่อยากจะให้เป็นจริง เพราะการมีภาพเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีแรงผลักดันในการเก็บเงินมากขึ้น
2. วิเคราะห์รายรับ-รายจ่าย
ก่อนที่จะเริ่มเก็บเงิน อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือการรู้รายรับและรายจ่ายของตนเองว่าเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งที่ควรทำ มีดังนี้
- บันทึกรายรับรายจ่าย : บันทึกทุกบาททุกสตางค์ที่เข้าและออกจากกระเป๋าของคุณ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของการใช้เงินอย่างชัดเจน
- ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น : ตรวจสอบรายละเอียดของค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ แล้วลองปรับหรือตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ออกไป เช่น ค่าช้อปเสื้อผ้าประจำสัปดาห์ ค่าปาร์ตี้ตอนกลางคืน หรือการซื้อของที่ไม่ได้วางแผนไว้ เพื่อนำเงินส่วนนี้มาออมแทน
- ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายแต่ละส่วน : แบ่งสัดส่วนการใช้เงินในแต่ละเดือน เช่น 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นในแต่ละเดือน 30% สำหรับใช้กับสิ่งที่ต้องการ และ 20% สำหรับการเก็บออม
3. เริ่มต้นเก็บเงิน
การเก็บเงินมีหลายวิธีที่คุณสามารถเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายและความสะดวกของตัวเอง เช่น
- หักเงินออมอัตโนมัติ : ตั้งค่าให้ธนาคารหักเงินส่วนหนึ่งจากบัญชีเงินเดือนไปฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์อัตโนมัติทันทีที่ได้รับเงินเดือน ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณเก็บเงินได้อย่างสม่ำเสมอ
- เลือกบัญชีเงินฝากที่เหมาะสม : เลือกบัญชีที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงและมีเงื่อนไขที่สอดคล้องกับความต้องการของตนเอง เช่น บัญชีเงินฝากประจำหรือบัญชีเงินฝากดิจิทัลที่ไม่มีค่าธรรมเนียม
- ลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ : นอกจากการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์แล้ว คุณยังสามารถวางแผนการเงินในอนาคตด้วยการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือทองคำ
4. สร้างวินัยทางการเงิน
การสร้างวินัยทางการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะแม้ว่าคุณจะมีแผนการเก็บเงินที่ดี แต่หากขาดวินัย การเก็บเงินก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ โดยเราขอแนะนำเทคนิคง่ายๆ ดังนี้
- ตั้งเป้าหมายรายวัน : กำหนดเป้าหมายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปฏิเสธการซื้อของที่ไม่จำเป็น
- หาเพื่อนร่วมออม : ชวนเพื่อน คนรัก หรือสมาชิกในครอบครัวมาร่วมกันตั้งเป้าหมายในการเก็บเงิน การมีเพื่อนร่วมออมจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กันและกัน อีกทั้งยังสามารถแลกเปลี่ยนเคล็ดลับในการจัดการเงินและช่วยกันเตือนสติเมื่อเผลอใช้เงินเกินงบที่ตั้งไว้ด้วย
- ให้รางวัลตัวเอง : อย่าลืมให้รางวัลตัวเองเมื่อคุณบรรลุเป้าหมายการออม เช่น ใช้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ซื้อของที่อยากได้ หรือพาตัวเองไปเที่ยวในงบที่วางไว้ เพราะการให้รางวัลตัวเองบ้างจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการเก็บเงินต่อไป และทำให้คุณรู้สึกพอใจที่ได้ทำตามแผนการเก็บเงินที่วางไว้สำเร็จ
5. หมั่นพัฒนาความรู้ทางการเงิน
การมีความรู้ทางการเงินเจะช่วยให้คุณวางแผนการเงินและจัดการทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำความเข้าใจเรื่องการเงินอย่างต่อเนื่องจะทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการเก็บออม การลงทุน หรือการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล ซึ่งการพัฒนาความรู้ทางการเงินสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- อ่านหนังสือ : หนังสือเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน และการบริหารเงินส่วนบุคคลมีมากมาย การอ่านหนังสือเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีความรู้เชิงลึกและเข้าใจวิธีการบริหารการเงินของตนเองได้ดีขึ้น
- เข้าคอร์สเรียน : คอร์สออนไลน์เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการพัฒนาความรู้ คุณสามารถลงเรียนในหัวข้อต่าง ๆ เช่น การวางแผนการเงิน การลงทุนในสินทรัพย์ การบริหารหนี้ หรือแม้กระทั่งการออมเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคอร์สเหล่านี้มักมีผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปันประสบการณ์จริง ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้
- ติดตามข่าวสาร : การติดตามข่าวสารทางการเงินและเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะสภาพเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงในตลาดมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุน เพื่อช่วยให้คุณวางแผนได้อย่างถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์
- เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางการเงิน : การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาทางการเงินจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องตามสถานการณ์การเงินของคุณโดยเฉพาะ ช่วยให้คุณจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ให้บัตรกดเงินสดยูเมะเป็นตัวช่วยพิเศษควบคู่ไปกับการเก็บเงิน
นอกจากการเก็บเงินอย่างมีวินัยแล้ว การมีเครื่องมือทางการเงินเข้ามาช่วยเสริมความมั่นคง อย่างบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส จะช่วยให้คุณจัดการการเงินได้อย่างราบรื่น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และช่วยให้คุณมีความพร้อมในทุกสถานการณ์ เช่น
- ช่วยให้คุณสามารถกดเงินได้ทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมแซมบ้าน ค่าซ่อมโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกับเงินออมที่วางแผนไว้
- การได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น โปรโมชันผ่อน 0% กับร้านค้าที่ร่วมรายการ ช่วยให้คุณใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า ลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงจำเป็นได้
- ผ่อนชำระได้ตามความสะดวก ทำให้คุณสามารถวางแผนการเงินและรักษาสมดุลทางการเงินของคุณได้ดี
บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยเบิกถอนเงินสดเริ่มต้นเพียง 19.8% ต่อปี สมัครวันนี้พร้อมรับสิทธิพิเศษในการเบิกถอนเงินสดได้ 0% นานถึง 30 วัน* และสามารถผ่อนสินค้าได้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นานถึง 20 เดือน** (ขึ้นอยู่กับร้านค้าและโปรโมชันในแต่ละช่วงเวลา) ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าที่ร่วมรายการที่มีสัญลักษณ์ Umay+ ทั่วประเทศ
สามารถสมัครได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://www.umayplus.com/cashcard/applyform หรือหากมีข้อสงสัยใด ๆ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-695-0000
หมายเหตุ
*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังจากได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรก สำหรับลูกค้าใหม่) หลังจบรายการส่งเสริมการขายอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ย 19.8% – 25% ต่อปี
**อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อผ่อนชำระ 16.44% – 25% ต่อปี, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว